นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า พริกในประเทศไทยมีความหลากหลายทั้งในเรื่องชนิดและการใช้ประโยชน์ และถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารไทย ซึ่งมีทั้งพริกสดและพริกแห้ง พริกไม่เพียงแต่เป็นเครื่องปรุงรส แต่ยังมีประโยชน์ทางสุขภาพ เช่น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ สำหรับประเทศไทยมีผลผลิตพริกเฉลี่ยประมาณ 2 แสนตันต่อปี โดยพื้นที่ปลูกพริกมีการขยายตัวในหลายจังหวัด เช่น จังหวัดอุบลราชธานี ตาก และจังหวัดเชียงใหม่ และมีการส่งออกพริกแห้ง (ไม่บดและไม่ป่น) ไปยังหลายประเทศ 3 อันดับแรก คือ ลาว (25.1%) สหรัฐอเมริกา (21.5%) และเมียนม่า (20.3%) ตามลำดับ (ข้อมูลการส่งออก ณ ปี 2566)
สำหรับพริกพันธุ์ดีที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชขยายพันธุ์ มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่
พริกขี้หนูหัวเรือ พันธุ์ศก. 13 ลักษณะเด่น ผลสดมีสีแดงปนส้มเล็กน้อยรสเผ็ดปานกลาง กลิ่นหอม ขนาดผลใหญ่ มีความยาวของผลประมาณ 7-8 เซนติเมตร
นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กระบวนการปลูกพริกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ เกษตรกรต้องดูแลเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณที่เพิ่มขึ้น โดยการเลือกใช้พริกพันธุ์ดี ซึ่งศูนย์ขยายพันธุ์พืชทั้ง 10 ศูนย์ ภายใต้การกำกับของกองขยายพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตรได้ทำการคัดเลือกและขยายพันธุ์พริกพันธุ์ดีที่มีคุณภาพ ปราศจากโรคและแมลง รวมถึงเกษตรต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูก เพิ่มการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตมากขึ้น นอกจากนี้สภาพอากาศและโรคพืชเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลผลิตและราคาของพริกในตลาด เกษตรกรต้องมีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยง
พริกขี้หนูผลใหญ่พันธุ์ศรีสะเกษ 1 (พริกจินดา) ลักษณะเด่น ก้านผลยาว ผิวเรียบเป็นมัน ผลเรียวยาวสดสีแดง มีความยาวของผลประมาณ 3 เซนติเมตร
และพริกเดือยไก่ ลักษณะเด่น ผลสดมีสีขาวเหลืองอมส้ม รสเผ็ดจัด กลิ่นหอม มีความยาวของผลประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร
โดยขั้นตอนการปลูกพริก ดังนี้
- คัดเลือกเมล็ดพันธุ์พริกที่สะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน
- หยอดเมล็ดลงในวัสดุเพาะในระยะห่างประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ
- ดูแลต้นกล้าให้มีแสงสว่างเพียงพอ และรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ จนกล้ามีอายุประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ก่อนย้ายลงแปลง
- เตรียมแปลงปลูกด้วยการไถพรวนดินแล้วตากแดดไว้ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จากนั้นใส่ปูนขาว 100 – 200 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 3,000 – 4,000 กิโลกรัมต่อไร่ หลุมปลูกขนาด 25×25×30 เชนติเมตร ระยะปลูก ถ้าปลูกแถวเดี่ยว ระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระยะระหว่าแถว 100 เซนติเมตร ถ้าปลูกแถวคู่ ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 80 เซนติเมตร ระหว่างแถวคู่ 120 เซนติเมตร รองกันหลุมด้วยปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 จำนวน 50 กิโลกรัมต่อไร่ก่อนปลูก 2 – 3 วัน
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ปริมาณ 2 – 4 ตันต่อไร หรือปุ๋ยเคมีสูตร 12 – 24 – 12 ใส่ปริมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพริกอายุ 15 – 20 วัน หลังปลูก
- เพื่อรักษาคุณภาพควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าหรือเย็น และเมื่อต้นมีอายุ 70 – 90 วัน เก็บเกี่ยวได้ทุก 5 – 7 วัน โดยให้ผลผลิตนานประมาณ 6 เดือน
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถสั่งจองพริกพันธุ์ดีได้ที่ “DOAE Marketplace” ผ่านเว็บไซต์ www.doae.go.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่จุดบริการพืชพันธุ์ DOAE ศูนย์ขยายพันธุ์พืช ทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ
ข่าว/ภาพ : ศูนย์ข่าวกรมส่งเสริมการเกษตร